อิสลามกับวันอีด
1. ความหมายของวันอีด
1.1 ความหมายด้านภาษา อีด เป็นภาษาอาหรับที่ผันมาจากกริยาของ “อาดะ ยะอูดุ เอาดัน” แปลว่า เวียนมา วกกลับ หวนมาบรรจบ ครบรอบ อัล-อัซฮะรีย กล่าวว่า “อีดในทัศนะของคนอาหรับจะหมายถึง เทศกาลความรื่นเริงหรือความโศกเศร้าที่หวนกลับมาบรรจบหรือครบรอบอีกครั้งหนึ่ง
1.2 ความหมายด้านนิติศาสตร
วันอีดในดานนิติศาสตร์จะหมายถึงวันแห่งเทศกาลหรือโอกาสใดโอกาสหนึ่งที่หวนกลับมาบรรจบหรือครบรอบอีกครั้งอย่างเป็นเนืองนิตย์และเป็นปกติวิสัย ไม่ว่าจะเป็นการหวนกลับมาในรอบปีรอบสัปดาห์หรือรอบเดือนก็ตาม(3) อาทิเช่น อีดิลฟิฏริ อีดิลอัฎฮา อีดุลมีลาด(วันเกิด) อีดเราะสุสสะนะฮฺ(วันขึ้นปีใหม่) และอีดเมาลิด เป็นต้น
2. ปรัชญาวันอีดในบัญญัติอิสลาม
วันอีดเป็นเอกลักษณ์แห่งเทศกาลความสุขสันต์และรื่นเริงเฉพาะประการหนึ่งของอิสลามที่ประกอบด้วยปรัชญาที่ยิ่งใหญ่ ความหมายที่ลึกซึ้ง และความเร้นลับที่น่าอัศจรรย์ ซึ่งไม่สามารถพบเจอในเทศกาลต่างๆเพราะอิสลามได้ทําให้วันอีดมีความเชื่อมโยงกับความหมายต่างๆที่ทรงคุณค่าอย่าง มหาศาลและมีความสัมพันธ์กับพิธีกรรมทางศาสนาที่สามารถยกสถานภาพของมนุษย์ให้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น วันอีดเป็นสัญลักษณ์สําคัญในการตอบสนองมนุษย์ซึ่งสอดคล้องกับความต้องการดั้งเดิมของพวกเขาเป็นการส่งเสริมความสัมพันธ์ด้านมนุษยธรรม วันอีดเป็นเทศกาลที่ทั้งผู้ใหญ่และเด็กๆ คนรวยและคนจน คนมีเกียรติและประชาชนทั่วไป สามารถมาพบปะสังสรรค์และสนุกสนานรื่นเริงอย่างเต็มอิ่มและพร้อมเพรียงกันโดยปราศจากการแบ่งแยกชนชั้นและฐานะ
และด้วยความประสงค์ของอัลลอฮฺเพื่อให้มนุษย์ได้บรรลุถึงปรัชญาอันทรงคุณค่าดังกล่าว พระองค์ทรงกําหนดให้วันอีดในอิสลามมีขึ้นหลังจากเหตุการณ์สําคัญช่วงหนึ่งที่พระองค์ทรงทดสอบบ่าว ของพระองค์ในช่วงเดือนของการถือศีลอดเป็นบททดสอบอันประเสริฐที่เปี่ยมด้วยศาสตร์แห่งการเสียสละ การขจัดความทิฐิ และการยับยั้งอารมณ์และตัณหา ฯลฯ
วันอีดในบัญญัติอิสลาม
วันอีดเป็นวันสําคัญทางศาสนาวันหนึ่งที่เราไม่สามารถกําหนดขึ้นเองได้นอกจากได้รับการถ่ายทอดมาจากท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะสัลลัม เท่านั้นทั้งด้านวันเวลา พิธีกรรม และวิธีการต้อนรับและเฉลิมฉลอง ซึ่งพอสังเขปได้ดังนี้
1. อีดประจําสัปดาห์
วันศุกร์ถือได้ว่าเป็นวันอีดประจําสัปดาห์ของชาวมุสลิม ซึ่งบรรดาชาวมุสลิมจะมีการรวมตัวกันอย่างพร้อมเพรียงกันเพื่อประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่เรียกว่าละหมาดวันศุกร์ซึ่งอัลลอฮฺทรงประทานให้เป็นของขวัญแก่ประชาชาติอิสลามเป็นการเฉพาะ หลังจากที่ชาวยิวและคริสต์ได้เลือกเอาวันเสาร์และวันอาทิตย์เป็นวันสําคัญประจําสัปดาห์ของพวกเขาในวันนี้อิสลามห้ามไม่ให้มีการถือศีลอดเช่นเดียวกับวันอีดอื่นๆ ส่งเสริมให้ทําความสะอาดและอาบน้ําชําระร่างกายและแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สะอาดเพราะสัญลักษณ์ประจําวันอีด คือการแต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่สวยงามการรวมตัวเพื่อถามไถ่ทุกข์สุขซึ่งกันและกัน และให้มีการกินดื่มอย่างสุขสําราญ
2. อีดิลฟฏรฺ
อีดิลฟิฏรฺเป็นวันแรกของการออกจากเทศกาลถือศีลอดของชาวมุสลิม (วันที่ 1 ของเดือนเชาวาล) เปนวันแห่งรางวัลและการตอบแทนสําหรับผู้ที่ผ่านการทดสอบประจําปีในเดือนเราะมะฎอน ด้วยการบังคับตัวเองด้วยจิตศรัทธาที่มุ่งมั่นจากการกินดื่มอยู่ในความสํารวมตน ลดละกิเลสตัณหา และยืนฟังการอ่านอัลกุรอานในละหมาดตะรอวีหฺเป็นเวลาเกือบหนึ่งชั่วโมงเต็มตลอดค่ําคืนของเดือนเราะมะฎอน พร้อมทั้งฝึกฝนด้านความโอบอ้อมอารีและความมีจิตเมตตาและกรุณาต่อผู้ที่ด้อยโอกาสและอ่อนแอกว่าในช่วงเดือนเราะมะฎอนเป็นเวลาหนึ่งเดือนเต็ม เพื่อขัดเกลาตนเองทั้งกายใจ
ดังนั้นหลังจากที่พวกเขาสําเร็จออกจากเบ้าหลอมแห่งการทดสอบพร้อมกับจิตสํานึกแห่งมนุษยธรรมที่เปี่ยมล้นอิสลามจึงประกาศให้วันนี้เป็นวันอีด(วันแห่งเทศกาลการเฉลิมฉลอง)ที่ยิ่งใหญ่ของพวกเขาพร้อมกับสั่งให้มีการบริจาคทานแก่บรรดาผู้ที่ขัดสนซึ่งเป็นที่รู้จักในนามของ “ซะกาตฟิฏเราะฮฺ” ควบคู่ไปกับการละหมาดอีด
3. อีดิลอัฎฮาหรืออีดกุรบาน อีดิลอัฎฮาคือวันที่ 10 ของเดือนซุลหิจญะฮฺ ซึ่งเป็นวันที่ถัดจากวันอะเราะฟะฮฺหนึ่งวันและเป็นวันส่งท้ายของสิบวันแรกของเดือน ซุลหิจญะฮฺที่การปฏิบัติศาสนกิจในวันดังกล่าวจะมีความประเสริฐที่สุดและอัลลอฮฺจะพึงพอใจที่สุด เพราะเป็นวันหัจญอักบัรฺ(หัจญ์ใหญ่)ถึงแม้ว่าอีดิลอัฎฮาจะตรงกับวันที่ 10 ของเดือนซุลหิจญะฮฺก็ตามแต่ด้วยความยิ่งใหญ่ของอีดิลอัฎฮา (ซึ่งเป็นอีดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบปีและยิ่งใหญ่กว่าวันอีดิลฟิฏรฺ(29)) อิสลามจึงได้ผนวกเอาวันที่ 9 ซุลหิจญะฮฺ หรือวันอะเราะฟะฮฺ และวันที่ 11-13 ซุลหิจญะฮฺ หรือวัน ตัชฺรีก(30)เข้ากับวันอีดิลอัฎฮาด้วย ดังนั้นเทศกาลวันอีดิลอัฎฮาจึงมีทั้งหมด 5 วัน ด้วยกัน